18 Jan ย้ายระบบสู่ ArcGIS Indoors เพื่อจัดการโครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัย
สถาบันการศึกษาระดับสูงที่มีการวิจัยทางวิชาการอย่างมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ (University of Rhode Island: URI) มีการนำเทคโนโลยีบริหารจัดการทรัพยากรอาคารที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า Computer-aided facilities management (CAFM) มาใช้เพื่อดูแลฐานข้อมูลการใช้พื้นที่และ Floor plan ในมหาวิทยาลัย โดยเดิมทีทางมหาวิทยาลัยใช้ระบบที่มีชื่อว่า INSITE ซึ่งมาพร้อมผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ซอฟต์แวร์ Net-FM และ Visual-FM
INSITE เป็นระบบบันทึกข้อมูลที่นำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น ฝ่ายอาคารใช้ระบบนี้ในการจัดการดูแลพื้นที่ ฝ่ายจัดการทรัพย์สินและงานบริการใช้เพื่อจัดการบัญชีทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยสาธารณะใช้ข้อมูลที่แม่นยำและอัปเดตเสมอเพื่อวางแผนและรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในขณะที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย และความปลอดภัยก็ต้องการข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบ ลดความเสียหาย และบรรเทาปัญหา แต่ปัญหามีอยู่ว่าระบบ INSITE กำลังจะหยุดให้บริการ มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องหาระบบอื่นมาทดแทน และในที่สุดพวกเขาก็พิจารณาเลือกใช้ระบบ ArcGIS Indoors เพราะสามารถใช้กับระบบ GIS เดิมของมหาวิทยาลัยได้ ทั้งยังมีค่าใบอนุญาตที่ต่ำ และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายผ่าน Dashboard ต่าง ๆ
ทำไมต้อง ArcGIS Indoors
แม้ว่าระบบ CAFM ส่วนใหญ่จะมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ใช้งานที่ใช้เป็นประจำ แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอาจเห็นว่าใช้งานไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องดึงข้อมูลจากระบบไปใช้ประกอบการตัดสินใจ และด้วยเหตุนี้ทางผู้ดูแลระบบจึงต้องเสียเวลาย้ายข้อมูลจากระบบ CAFM ไปใส่ในสเปรดชีต หรือไม่ก็สร้างรายงานและ Dashboard เพิ่มเติมโดยใช้แอปพลิเคชันอื่น แทนที่พวกเขาจะมีเวลาไปพัฒนาคุณภาพของข้อมูลและสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ระบบดียิ่งขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วข้อมูลที่ดีต้องดึงมาใช้ง่าย ทำให้เห็นภาพ และง่ายต่อการวิเคราะห์ โดยไม่ต้องพึ่งผู้ดูแลระบบมากนัก
ทางมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์เองก็ต้องการระบบที่สามารถให้บริการบุคลากรในมหาวิทยาลัยได้ดีกว่าเดิม เพื่อใช้ติดตามข้อมูลตำแหน่งสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ การเก็บข้อมูลภาคสนาม การแชร์ข้อมูลที่ง่ายยิ่งขึ้น และการพัฒนาระบบเก็บข้อมูลสำหรับแผนกที่ยังไม่มีโดยเร็ว ซึ่งการพัฒนาระบบก็ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบที่กำหนดโดยฝ่ายไอทีส่วนกลางด้วย นอกจากนั้น ตั้งแต่สถานการณ์โควิดผ่านพ้นไป ทางคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา หรือแม้กระทั่งบุคคลภายนอก ก็มีความต้องการใหม่ ๆ เช่น ผู้ช่วยบอกตำแหน่งของสถานที่ต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ระบบจัดการตารางใช้งานของห้องและเวิร์กสเตชันต่าง ๆ และข้อมูลไดเรกทอรี เป็นต้น
และระบบที่มีความสามารถหลากหลายตอบโจทย์ทางมหาวิทยาลัยได้นั่นก็คือ ArcGIS Indoors ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้ใบอนุญาตแล้วจากข้อตกลงทางการศึกษาของ Esri โดยระบบ ArcGIS Indoors มี Interface ที่สวยงามทำให้ใช้งานง่าย และสามารถใช้ได้ในหลากหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่ Desktop เว็บ และโมบาย ทั้งยังมีแอปพลิเคชันสำหรับตู้ Kiosk อีกด้วย
เทคโนโลยี GIS ยังสามารถจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งแตกต่างจากระบบ CAFM ที่ไม่สามารถสร้าง Interface ให้ผู้ใช้งานดู Floor plan หรือข้อมูลพื้นที่ว่าง ตำแหน่งของทรัพย์สิน และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกอาคาร รวมทั้งไม่สามารถจัดการตาราง และแนะนำเส้นทางจากอาคารหรือสถานที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ และหากคำนึงถึงการใช้งานในอนาคต ArcGIS Indoors ก็มีศักยภาพเหนือกว่าเพราะสามารถสร้าง Digital twin ของมหาวิทยาลัยให้เกิดขึ้นจริงได้ ผ่านการผสมผสานข้อมูลสามมิติที่ได้จาก Autodesk Revit, Building information models (BIMs) และ Lidar
ความท้าทายในการนำมาใช้งาน
ระบบ INSITE ที่ใช้อยู่เดิมเหมือนกับระบบ CAFM ทั่วไปตรงที่เป็นระบบที่สร้างภายใต้คู่มือ Postsecondary Education Facilities Inventory and Classification Manual (FICM) ทำให้การจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ในระบบ ไม่ได้ยุ่งยากนัก เพราะภายในระบบมีตารางข้อมูลพื้นที่ที่ใช้งานหลัก และโค้ดต่าง ๆ ตามคู่มือของ FICM อยู่แล้ว
การย้ายข้อมูล
อย่างไรก็ดี การย้ายข้อมูลจากระบบ INSITE ไปสู่ระบบ ArcGIS Indoors ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในเรื่องการเตรียมข้อมูล Floor plan ซึ่งในจุดนี้ทางมหาวิทยาลัยได้รับการช่วยเหลือจากทีมงานของ Esri ให้ความรู้ในการเตรียมข้อมูล Floor plan ด้วย AutoCAD เพื่อใช้กับระบบ ArcGIS Indoors ทั้งยังทำให้เข้าใจกระบวนการทั้งหมด รวมทั้งขอบเขตโปรเจ็กต์ และความยากในการย้ายข้อมูลอีกด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่ Floor plan ในระบบ INSITE ใช้ซอฟต์แวร์ Visual-FM ซึ่งไม่ใช่ไฟล์ AutoCAD ทางมหาวิทยาลัยจึงต้องแปลง Floor plan ให้เป็นไฟล์ AutoCAD ด้วยวิธีแมนวลเสียก่อน แต่ด้วย Floor plan ที่มีมากถึง 800 ชั้น ทางมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องหาบริการจาก Third party ที่มีเครื่องมือแปลงไฟล์แบบอัตโนมัติ หรือใช้วิธีการเขียนสคริปต์อีกทีหนึ่ง
เมื่อการจัดเก็บข้อมูลพื้นที่เบื้องต้นได้ถูกสร้างภายในระบบ ArcGIS Indoors เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือการหาวิธีย้ายข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบ CAFM ซึ่งเกี่ยวกับลักษณะของพื้นที่ เช่น ข้อมูลการใช้พื้นที่สำนักงาน การใช้งานห้องวิจัย ไปจนกระทั่งลักษณะเฉพาะของพื้นที่ เป็นต้น
ข้อมูลพื้นที่ในแต่ละตารางภายในระบบ INSITE จะมีตัวบ่งชี้เฉพาะ หรือ ID (ระบบ ArcGIS ก็ใช้ตัวบ่งชี้เฉพาะเช่นเดียวกัน) ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมตารางที่มีข้อมูลลักษณะพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด และผูกลักษณะเหล่านั้นเข้ากับพื้นที่ที่เหมาะสม
ตัวบ่งชี้เฉพาะเหล่านี้จะถูกคัดลอกไปไว้อีกที่หนึ่งภายในระบบ INSITE ซึ่งสามารถดูได้ใน Floor plan ผ่านฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า INSITE space label และเมื่อ Floor plan ในระบบ INSITE ถูกแปลงเป็น AutoCAD ตัวบ่งชี้เหล่านี้ก็จะติดไปพร้อมกับป้ายข้อมูลพื้นที่ (Space label) กลายเป็นคำอธิบายภายใน AutoCAD และจากนั้นเมื่อข้อมูล Floor plan ถูกย้ายเข้าระบบ ArcGIS Indoors คำอธิบายเหล่านี้ก็จะถูกใส่เข้าไปในระบบด้วย
ด้วยกระบวนการดังกล่าว การจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ในระบบ ArcGIS Indoors จึงมีตัวบ่งชี้เฉพาะจากระบบ INSITE ฝังอยู่ การย้ายข้อมูลอื่น ๆ จึงเป็นเรื่องง่าย เพียงต่อเข้ากับ Open Database Connectivity (ODBC) ก็สามารถย้ายข้อมูลจากระบบ INSITE ไปตารางที่เกี่ยวข้องกันในระบบ ArcGIS Indoors ผ่านการใช้ตัวบ่งชี้เฉพาะของพื้นที่ที่เหมือนกัน วิธีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าลักษณะต่าง ๆ ของพื้นที่จากระบบ INSITE ได้ถูกผูกเข้ากับพื้นที่ที่เหมาะสมในระบบ ArcGIS Indoors โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขข้อมูลแบบแมนวลให้วุ่นวาย และเมื่อการย้ายข้อมูลเสร็จสิ้น เราก็สามารถลบตัวบ่งชี้เฉพาะของระบบ INSITE ที่อยู่ในระบบ ArcGIS Indoors ได้
บุคลากรในมหาวิทยาลัยสามารถใช้งาน ArcGIS Indoors ได้อย่างง่ายดายผ่าน Interface ที่สวยงาม และสามารถใช้ได้บน Desktop เว็บ และโมบาย รวมทั้งมีแอปพลิเคชันสำหรับตู้ Kiosk ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว
ผลลัพธ์
มาพูดถึงผลลัพธ์สุดท้ายกันบ้าง เห็นได้ชัดว่าค่าใบอนุญาตรายปีของมหาวิทยาลัยลดลงอย่างมาก โดยทางมหาวิทยาลัยคาดว่าการเปลี่ยนมาใช้ระบบ ArcGIS Indoors จะลดค่าใบอนุญาตรายปีได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว (หลังจากคำนวณรวมค่าใบอนุญาตของทั้ง ArcGIS Indoors และ AutoCAD ที่นำมาใช้แทนระบบ INSITE แล้ว)
ค้นหาศักยภาพของเทคโนโลยี GIS กับการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม