29 Sep ค้นพบความล้ำหน้าด้วย Real-Time Mapping
ความล้ำหน้าของ Real-time mapping ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้กับที่ทำงาน และด้วยเทคโนโลยี GIS ยิ่งช่วยเพิ่มความสามารถให้กับการกำหนดขอบเขตเสมือน หรือ Geofencing ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิค Geofencing โดยทั่วไปจะทำการกำหนดขอบเขตพื้นที่ของรถ มือถือ และวัตถุที่เคลื่อนไหวต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิตอล และทำการแจ้งเตือนเมื่อวัตถุเข้าใกล้ขอบเขตนั้น ๆ เช่น ร้านค้าประเภทของใช้ในบ้านสามารถกำหนด Geofence บริเวณรอบร้านค้า และเมื่อลูกค้าใช้โมบายแอปของบริษัทภายในบริเวณที่กำหนด ก็จะทำการแจ้งเข้ามือถือลูกค้าเพื่อแจ้งโปรโมชันหรืออาจแจ้งข่าวสินค้ายอดนิยมกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง เป็นต้น
ปัจจุบัน Real-time mapping ที่แสดงอยู่ในวิดีโอข้างล่างนี้ ทำให้บริษัทสามารถติดตามระยะของวัตถุที่เคลื่อนไหวหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน และแจ้งเตือนเมื่อสิ่งเหล่านั้นเข้าใกล้กันได้
การแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติของ Geofencing สามารถลดอุบัติเหตุในที่ทำงาน และทำให้การทำงานลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ทำงานที่มียานพาหนะอยู่ใกล้กันและมีระยะการมองเห็นที่จำกัด เช่น ภายในคลังสินค้า การติดตั้งพลังงานงานแสงอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งสนามบิน ยิ่งไปกว่านั้น การวิเคราะห์ Data stream ยังช่วยให้หัวหน้างานได้ข้อมูลจาก Location intelligence และทราบถึงแพทเทิร์นต่าง ๆ ที่นำมาปรับใช้ในการทำงานประจำวันได้
Real-Time Mapping ในสถานการณ์หิมะขาวโพลน
วิดีโอนี้แสดงถึงเทคโนโลยีในที่ทำงานของสถานที่เล่นสกีแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ควบคุมยานพาหนะสามารถใช้ Geofencing เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ทั้งรถ Snowmobile และรถ Snowplow ทราบถึงตำแหน่งของกันและกัน และหลักการเดียวกันนี้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจอื่น ๆ ได้ เช่น อู่ต่อเรือ สถานีรถไฟ ไร่องุ่น หรือลานจอดรถเช่า
ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนไหวอาจเผชิญอุปสรรคในการมองเห็นกันและกันเนื่องจากสภาพอาการแปรปรวน ถนนขรุขระ มีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ รวมทั้งสภาวะกลางคืน เช่น บริษัทสกีที่มักต้องเผชิญกับหิมะที่ตกหนก และภูมิประเทศแบบภูเขาซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพนักงานที่อาจมองไม่เห็นระหว่างขับขึ้นลงทางชัน
ทั้งนี้ Real-time mapping ช่วยให้หัวหน้างานสร้างขอบเขตรอบ ๆ สินทรัพย์ที่เคลื่อนที่ เช่น รถบรรทุก รถก่อสร้าง เครน รถกระบะ รถบักกี้ หรือแม้กระทั่งเครื่องบิน หากขอบเขตของรถคันใดเข้าใกล้ระยะห่างที่ตั้งไว้ของรถอีกคัน ผู้ควบคุมจะได้รับการเตือนอัตโนมัติเพื่อทำการชะลอและเพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัย นอกจากนั้น การใช้วิทยาศาสตร์ด้านโลเคชันที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นแบบเทคโนโลยี GIS ก็ช่วยเลี่ยงการเกิด False alarm ด้วยการดูความเป็นไปได้ของสถานที่ที่วัตถุเคลื่อนผ่านกันนั้นอาจไม่สามารถเจอกันได้ เช่น แม้ว่า Snowmobile และ Snowplow จะขับผ่านกันภายใน 250 ฟุต แต่ทั้งสองถูกขั้นด้วยต้นไม้จำนวนมาก เช่นนี้ก็จะไม่เกิดการแจ้งเตือนขึ้น
เพิ่มความปลอดภัยเพราะไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีกต่อไป
Real-time mapping สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ เช่น บริษัทโลจิสติกส์สามารถใช้ Geofencing เพื่อมอนิเตอร์เครื่องบินและพายุที่เคลื่อนที่มาอย่างรวดเร็ว และทำการแจ้งเตือนเมื่อนักบินกำลังเผชิญสภาพอากาศที่เป็นอันตราย หรือในอีกกรณีหนึ่ง บริษัทด้านการขนส่งสามารถติดตามการเคลื่อนที่ของรถบรรทุกหากภายในเมืองมีการประท้วง มีพาเหรด หรือขบวนคาราวาน เพื่อช่วยให้คนขับหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดหรือรถติดได้ นอกจากนั้น ในระยะยาวการวิเคราะห์ข้อมูลด้านพื้นที่ในรูปแบบต่าง ๆ ย่อมช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งประวัติการวิเคราะห์ยังช่วยให้ Facility manager เห็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดการชนกัน จึงอาจเพิ่มป้ายความปลอดภัย หรือจัดการการจราจรและยานพาหนะให้ดียิ่งขึ้นในพื้นที่ที่มีปัญหาเหล่านั้น
การนำเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Real-time mapping มาใช้ย่อมช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป และยิ่งเพิ่มความปลอดภัยให้คนทำงานและพื้นที่ทำงานยิ่งขึ้น
ค้นหาศักยภาพของเทคโนโลยี GIS กับการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม